วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

Why over weight? "อ้วนทำไมเรอะ"

"Cycling and fun" (2) อ้วนทำไม อะไรเรอะ


ถ้าคนเราแข็งแรง เพราะ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย และ อุจาระ สมดุล (4อ) มีเงินทองใช้จ่ายเพียงพอกับการดำรงชีวิต เพราะการวางแผน นี่แหละความสุขครับ “ทำไมคนส่วนใหญ่ใช้เหตุผลว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย” แต่ผมเฉลยว่า “คนส่วนมากไม่มีเป้าหมายเพื่อการออกกำลังกายครับ” และการใช้เหตุผลเพื่อสุขภาพแข็งแรงไม่สามารถใช้เป็นแรงจูงใจในการออกกำลังกายสม่ำเสมอได้ คำถามข้อ 1 “ทำไมคนถึงอ้วน” เหตุผลคือความไม่สมดุลของ ระบบการเผาผลาญอาหาร พฤติกรรมการบริโภคและดำเนินชีวิต เมื่อสมัยเป็นเด็กระบบการเผาผลาญอาหารดีเยี่ยม เซลแบ่งตัว และเซลขยายตัว นำสู่การเติบโตของร่างกายสู่วัยรุ่น วัยนี้กินเที่ยวกับเพื่อนฝูงสนุกสนานข้ามวัน นอนหลับเพียง 2-3 ชั่วโมง ร่างกายกลับสดชื่น เที่ยวข้ามวันคืนได้อีก ระบบการเผาผลาญดี และมีกิจกรรมเยอะ พอย่างเข้าสู่วัยเรียนจบ หางานทำ ร่างกายไม่เติบโตแล้ว กล้ามเนื้อเติบโตเต็มที่ เซลใหม่ลดจำนวนการสร้าง เซลเก่าเริ่มเสื่อมถอย เพื่อนฝูงแยกย้าย กิจกรรมน้อยลง มุ่งทำงานสร้างตัว พฤติกรรมการกินเหมือนเดิม กระเพาะหย่อน(กระเพาะคลาก) กว่าสมัยวัยรุ่น กินไม่อิ่มสักที การเผาผลาญสารอาหารของเซลลดลง นำสู่การสะสมของไขมัน ตามกล้ามเนื้อ เห็นชัดเริ่มจากบริเวณหน้าท้อง ไปทั่วร่างกาย รวมถึงผนังของเส้นเลือด คงพอจิตนาการออกน๊ะครับ คำถามข้อที่ 2 “การเผาผลาญสารอาหารและการออกกำลังกายมีความสัมพันธ์อย่างไร” ผมขอออกตัวก่อนเลยว่า สิ่งที่นำเสนอนี้เป็นความเชื่อ และความศรัทธา ส่วนบุคคล ที่พูดคุยกับนักโภชนาการ นักวิทยาศาสตร์การกีฬาครับ เมื่อมีการเคลื่อนไหวร่างกายเพิ่มขึ้น เซลกล้ามเนื้อจะเพิ่มการเผาผลาญสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงานในการทำกิจกรรม ในช่วงแรกของการออกกำลังกาย เบาสู่หนักปานกลาง(ถ้าเทียบกับการเดินเร็วและสามารถสนทนาระหว่างเดินได้) เซลจะเผาผลาญสารอาหารรแบบไม่ใช้ออกซิเจน ประมาณระยะ 15 นาทีแรกๆ ที่เรียกว่า แอนาโรบิก (Anaerobic) โดยดึงพลังงานจากสารอาหารที่เราบริโภคในแต่ละวันจนหมด ที่อยู่กระแสเลือดส่วนใหญ่(ใครกินมากต้องใช้เวลาเยอะหน่อย) ถัดมาเซลจะเผาผลาญสารอาหารโดยกระบวนการใช้ออกซิเจน แบบแอโรบิค (Aerobic) และสัมพันธ์กับความหนักแบบปานกลางสม่ำเสมอยาวนานกว่า 30 นาที สารอาหารที่ถูกนำมาใช้พวกแรกคือแป้ง น้ำตาล (คาร์โบไฮเดรท) ถัดมาคือไขมัน และสุดท้ายโปรตีน(ผลคือจะปวดกล้ามเนื้อเนื่องจากกรดแลคติก) กระบวนการนี้จะดำเนินการสูงสุดช่วง 30 นาทีแรกของการออกกำลังและลดลงเรื่อยๆอาจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงของแต่ละบุคคล (ใครจะลดความอ้วนได้หรือไม่ได้ก็อยู่ในช่วงนี้) สังเกตุอาการเหนื่อย หายใจทางปาก เพราะว่าเซลในร่างกายต้องการออกซิเจนมากในการสันดาปให้ได้พลังงาน เกิดสารเคมี อาทิเช่น ความร้อน น้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ และกรดแลคติด ส่วนของกล้ามเนื้อที่เผาผลาญได้ดี(มีมัดกล้ามเนื้อมาก)คือ ขา แขน อก และช่วงกล้ามเนื้อหน้าท้อง (ลดยากสุดเพราะเคลื่อนไหวน้อยสุด) สรุปว่า จะลดความอ้วน 1. เร่งเซลเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินในร่างกาย โดยการออกกำลังกายไม่ต่ำกว่าวันละ 45 นาทีแบบหนักปานกลางสม่ำเสมอ (นี่เป็นของดีของการปั่นจักรยานมีระยะช่วง Aerobic นาน) 2. ลดการสะสมของแคลอรี่ส่วนเกินจากบริโภค ได้แก่ คาร์โบไฮเดรท ไขมัน เพิ่มอาหารกากใยทดแทน

คำถามข้อที่ 3 “เคยไหมที่เบื่อตนเอง ที่อุ้ยอ้าย อึดอัน หงุดหงิด เดินเหินใกล้ๆแล้วเหนื่อย ไม่อยากไปไหน จะนอนเฉยๆ” โธ่เอ๋ยจะอยู่กับสิ่งนี้ไปตลอดชีวิตน๊ะ ถ้าวันไหนเจ็บป่วยจะเป็นภาระของคนอื่นๆอีก... ถ้ามีอาการอย่างนี้เริ่มเลยครับ ไปหากลุ่มบุคคลที่ออกกำลังกายเป็นประจำเลยครับ อย่าเริ่มเพียงลำพังคนเดียวเดี๋ยวจะ “พัง” เริ่มจากครอบครัว พากันออกไปนอกบ้าน สวนสาธารณะ ที่จังหวัดพะเยา ใครไม่รู้จะไปไหนตอนเย็น มาปั่นจักรยานกับผม และเด็กๆ นัดตรง 4 แยกไฟแดง ป่าแดง (โรงพยาบาลพะเยาราม) 17.00 น. ปั่นจันทร์-ศุกร์ เมื่อพบคนกลุ่มใหม่ คุยเรื่องใหม่ เปลี่ยนเรื่องซ้ำซากเบื่อหน่าย จากการทำงาน ถอดทิ้งไว้ เป็นลุงแก่ๆที่เด็กอายุ 12 ขวบเรียก อย่างไรลุงก็ยังไหวปั่นจักรยานตามหลานๆได้ นี่เป็นการสร้างแรงจูงใจ เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงจะแซงให้ดู (ปัจจุบันยังแซงไม่ได้เลย)

คำถามข้อที่ 4 “จะวางแผนการออกกำลังกายอย่างไรให้มีผลต่อการเผาผลาญการลดน้ำหนัก” เรื่องนี้ขอใช้ประสบการณ์ส่วนตัว แล้วให้นำปรับใช้ ควรแบ่งช่วงการออกกำลัง 4 ช่วง ช่วงที่ 1 การอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย (Warm Up) เริ่มจากยืดแข้งขา มือ แล้วขึ้นควบจักรยานปั่นช้าๆความเร็วประมาณ 10-15 km/h สัก 10 นาที ช่วงที่ 2 เริ่มช่วง Anaerobic Phase ด้วยความเร็วไม่น่าเกิน 25 km/h ประมาณ 15 นาที น้ำหนักเกียร์ปานกลาง ช่วงที่ 3 กระตุ้นให้เกิดช่วง Aerobic Phase เร่งเร็วขึ้น 28-35 km/h หนักปานกลาง ประมาณ 30-45นาที อาจเร่งความเร็วระยะสุดท้าย ประมาณ 5 นาที กระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วและแรง (ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับ) ช่วงที่ 4 Warm Down 15-30 นาที รวมเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 30-35 Km ต่อวัน ช่วงที่ 3 นับว่ามีผลการต่อการลดน้ำหนักมาก เพราะร่างกายจะเผาผลาญสารอาหารได้มากกว่าช่วงอื่นๆ ถ้าใครยืดช่วง 3 ให้ยาวนานจะกลายเป็นนักกีฬาในที่สุด เคยถามไหมว่า ทำไม “ฟุตบอลใช้เวลาแข่งขัน 90 นาที”

คำถามข้อที่ 5 “เวลาว่างคนอื่นไม่ว่าง เวลาไม่ว่างคนอื่นว่าง” ปั่นคนเดียวเบื่อ แล้วจะทำอย่างไร ล๊ะ เดี๋ยวจะเฉลย

Value added "มูลค่าเพิ่ม"



"Wealthy @ Healthy" (3)
จากฉบับก่อนได้กล่าวถึงอัตราการหมุนเวียนเงินในกำปั่น วันนี้ต้องมองพิจารณาในกำปั่นอีกทีว่า สมมุติถ้าหยุดกิจการวันนี้เลย และรวมมูลค่าสินค้าเหลือหน้าร้าน จะมีมูลค่าเงินสดๆเท่าไหร่ แล้วตัดค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายออกไปให้หมด เช่นเจ้าหนี้การค้า ค่าจ้าง ฯลฯ ดูซิจะเหลือเงินสุทธิจริงๆเท่าไหร่ นั่นแหละจุดเริ่มต้นของความมั่งคั่ง คือเงินเหลือ หรือ เงินออม สำหรับคนเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นลูกจ้าง สิ่งแรกคงต้องเลือกงานที่เพียงพอให้เลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดได้ และงานในหน้าที่มีความก้าวหน้าพอที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับชีวิตด้วย คงไม่พ้นงานดีเงินเดือนสูง ต้องสะท้องศักยภาพของแรงงานด้วยครับ อย่าลืมว่า จำนวนผลผลิตแต่ละหน่วยที่แรงงานผลิตให้กับนายจ้าง(Marginal product of labor) นายจ้างนำออกไปขาย อย่างน้อยรายได้ที่ได้จากการขายสินค้าจะเพียงพอกับต้นทุนการผลิตหน่วยนั้นๆ เช่น การผลิตดาบซามูไร (Ka ta na) ของประเทศญี่ปุ่น เล่มๆหนึ่งใช้ระยะเวลานานร่วมปี ราคาดาบซามูไร ที่ทำจากช่างฝีมือเอกในการตีดาบมีราคาสูงลิ่ว 7 หลัก เมื่อเทียบกับดาบที่ผลิตจากโรงงานในประเทศกัมพูชาราคาประมาณ 2 หมื่นถึง 1 แสนบาท ผู้เขียนเองก็ไม่เคยไปดูเขาตีมีดตีดาบที่ญี่ปุ่นหรอก เคยไปดูที่บ้านร่องไฮ แม่นาเรือนี่แหละ ซื้ออีโต้มาตัดไม้ เห็นเขาทำด้วยความอุสาหะดี แต่ราคาไม่สูง ราวๆ 150 ถึง 200 บาท ช่วงวันเวลานี้ของนิสิตเปรียบได้ด้วยกับการฝึกฝนวิชาการตีดาบ เรียนรู้ทักษะ สะสมประสบการณ์ นานับประการ พอสำเร็จการศึกษาออกไป ก็เลือกเอาว่านิสิตความสามารถจะตีดาบแบบไหน ถ้าตีดาบซามูไร ชีวิตนี้ก็ตีไม่กี่เล่มหรอก ก็เกิดความมั่งคั่ง

Econ Idea


ความจนของเกษตรกรไทย คงไม่พ้นโทษราคาผลิตราคาเกษตรตกต่ำ และต้นทุนการผลิตสูง อาทิเช่นค่าปุ๋ย ยา แรงงาน น้ำมัน ราคาสูงขึ้น อะไรเป็นสาเหตุหรือ ? ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของ อุปทานของสินค้า ที่มีมากมายเกินกว่าอุปสงค์ของสินค้าจะดูดซับได้หมด รู้ทั้งๆรู้ว่าต้องมีผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาด อาทิเช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ลิ้นจี่ ลำไย ฯลฯ แต่เกษตรกรคงยังปลูก นักเศรษฐศาสตร์พยายามอธิบายพฤติกรรมการผลิตของสินค้าเกษตรที่มีรอบฤดูกาลผลิต อาศัย เวลา น้ำมันฝน อุณหภูมิ จนถึงรอบเก็บเกี่ยวผลผลิต ด้วย “ทฤษฏีใยแมงมุม” ว่า เกษตรกรจะใช้ราคาที่เผชิญอยู่ในปีปัจจุบัน เพื่อกำหนดปริมาณการผลิตในรอบการผลิตถัดไป เช่น ถ้า ณ ฤดูกาลนี้ลิ้นจี่มีราคาแพง ชาวสวนจะตั้งธงในใจว่าฤดูกาลถัดไปลิ้นจี่ก็จะราคาแพงเช่นกัน จึงบำรุงต้นใส่ปุ๋ยตัดแต่งกิ่ง ฉีดพ่นฮอร์โมนเร่ง พอถึงระยะเวลาเก็บเกี่ยวปริมาณผลผลิตของชาวสวนผลิตได้ตามคาด ลูกใหญ่ สีสวย ผลผลิตเยอะ เช่นเดียวกับผลผลิตของชาวสวนคนอื่นๆ แต่ราคาที่เขาได้รับกลับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ประสบภาวะขาดทุน ประสบการณ์ในปีนี้เจ็บปวดยิ่งนัก ชาวสวนเจ็บและจำ ปีถัดไปเขาจึงเลิกสนใจบำรุงต้นลิ้นจี่ปล่อยตามธรรมชาติ ปรากฏว่าผลผลิตออกน้อย ลูกไม่สวย ดำๆด่างๆ เช่นเดียวกับชาวสวนคนอื่นๆ แต่ราคาที่ได้กลับดีกว่าในปีที่ผ่านมา... นี่จึงเป็นวงจรหมุนไปเรื่อยๆ นักเศรษฐศาสตร์จึงเอามาอธิบายดังแสดงด้วยภาพต่อไปนี้

โดยดุลยภาพระยะยาวของปริมาณผลผลิตและราคาจะวิ่งเข้าสู่ดุลยภาพที่ Q3 และ P3 ดุลยภาพของ CobWeb จะมีด้วยกับ 3 แบบ คือวิ่งเข้าสู่ศูนย์กลางดังภาพ, วิ่งวนออกไปเรื่อยไม่มีดุลยภาพ และวิ่งวนไปเรื่อยๆ ไม่เข้าไม่ออก... ประเภทกลื่นไม่เข้าคลายไม่ออก ครับ

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

Enjoy retirement day "สุขสันต์วันเกษียณ"

Cycling and Fun (1) "วันใหม่หลังเกษียณ"
ถึงเดือนตุลาคม ของทุกปีคนที่เคยกินเงินเดือน เมื่ออายุครบ 60 ปี จะต้องเกษียณอายุตามธรรมเนียม แล้วจะทำอะไรดีครับ อย่างแรกคือการไปตรวจสุขภาพชุดใหญ่ที่โรงพยาบาลครับ เพื่อให้ทราบตัวชี้วัดสุขภาพของร่างกาย อาทิเช่น ความดันโลหิต อัตราการเต้นหัวใจ ผลวิเคราะห์สารเคมีในเลือด องค์การอนามัยโลย (WHO) กำหนดอายุขัยเฉลี่ยของชายไทยที่ 68 ปี หญิงไทยที่ 72 ปี เพราะถ้าดำเนินชีวิตอย่างปรกติเมื่อตอนสมัยทำงาน แล้วมีอายุเกินกว่าอายุเฉลี่ย ก็นับว่าได้กำไรชีวิตแล้ว หลังจาก 60 ปี เป็นภาวะเสื่อมถอยของสุขภาพอย่างก้าวกระโดด ใครตรวจพบภาวะผิดปรกติของร่างกายช่วงต้นๆหลัง 60 ปี นับมีโอกาสรักษาหาย ถ้าไม่ตรวจพบอะไรเลยนับว่าโชคดีเป็นการเริ่มต้นชีวิตหลังเกษียณอย่างเป็นสุข ผมมีโอกาสโชคดีที่ได้พบผู้สูงวัยหลายท่านที่ปั่นจักรยานตั้งแต่ก่อนเกษียณ ปัจจุบันท่านก็ยังปั่นจักรยาน อายุสูงสุดที่เคยพูดคุยที่ 72 ปีแล้วจะปั่นไปเรื่อยๆ หลายคนกังวลเรื่องการปั่นจักรยานจะนำมาถึงโรคปวดเข่า และอันตรายจากอุบัติเหตุ นี่เป็นอุปสรรใหญ่ จักรยานปัจจุบันมี เกียร์ เฟือนทดน้ำหนัก และมีน้ำหนักเบา กว่าจักรยานสมัยอดีต น้ำหนักตัวของคนปั่นจักรยานจะถ่ายเทสู่เบาะนั่ง ไม่ลงสู่ตำแหน่งของเข่าทั้งสองข้างและข้อเท้าโดยตรง เมื่อเทียบกับการเดินและวิ่ง และระบบเกียร์เฟืองจะช่วยผู้ปั่นลดแรงในการปั่น ถ้าจะสรุปว่าอาการปวดหัวเข่าจะเป็นผลจากการปั่นอย่างเดียวคงไม่ได้ สำหรับความเร็วในการปั่นจักรยานทางเรียบทั่วไป เช่นปั่นไปธุระ จ่ายตลาด ไม่น่าเกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับว่าช้ามากเมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์ และการปั่นทุกครั้งนักปั่นจักรยาน จะสวมชุดปั่นสีสรรฉุดฉาด ใส่หมวกกันน๊อค มีไฟกระพริบและปั่นเป็นกลุ่ม เพราะให้ผู้สัญจรบนถนนสังเกตุได้ง่าย เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุอย่างหนึ่ง ผมขอเชิญชวนมาปั่นจักรยานด้วยกัน บริเวณกว๊าน รอบกว๊าน หรือใช้จักรยานสัญจรในระยะสั้นๆเพื่อทำธุระ เมืองพะเยาเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับปั่นจักรยานมาก เราไม่ต้องเอาจักรยานยกใส่รถยนต์ ขับไปหาที่ปั่นจักรยาน เหมือนเมืองใหญ่ๆ

ปั่นจักรยานถือว่ามีประสิทธิภาพในการเดินทาง ด้านความเร็ว ระยะทาง และการใช้พลังงานในการขับเคลื่อนน้อยเมื่อเทียบการสัญจรทางบกด้วยพาหนะอย่างอื่น ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคนเราน้ำหนัก 50 กิโลกรัม จักรยานน้ำหนัก 15 กิโลกรัม เดินระยะ 20 กิโลเมตร เท่ากับการเคลื่อนวัตถุ 45 กิโลกรัม แต่ถ้าเราใช้รถยนต์ กระบะหนัก 1 ตัน บรรทุกคน 1 คนเดินทาง 20 กิโลเมตร เท่ากับการเคลื่อนวัตถุ 1,050 กิโลกรัม การย้าย 1 คนด้วยจักรยานย่อมใช้พลังงานน้อยกว่า ด้วยรถยนต์ นี่เป็นตัวอย่างข้อดีของจักรยานได้ชัดเจน เปลี่ยนมาการใช้จักรยาน เพื่อการสัญจรบ้าง ได้สุขภาพ ประหยัดพลังงาน แล้วจะได้อะไรอีกหลายอย่างกับการปั่นจักรยานครับ

 ร่วมรณรงค์ให้คนพะเยาออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน คนพะเยาเตรียมพร้อมที่จะปั่นเพื่อสุขภาพหรือยังครับ

Credits VS Wealth

“Wealthy & Healthy” (2) หนี้เป็นศัตรูกับความมั่งคั่ง

วันนี้เริ่มเข้าสู่บทเรียน แรกเลยครับ คือจุดเริ่มต้นของความมั่งคั่ง คือการเข้าใจคำว่า “รายรับ” และ “รายจ่าย” คำสองคำนี้มีความลึกซึ้งในตัวมันเองครับ เป็นการบอกถึงทิศทางของกระแสเงินครับ “รายรับ”เป็นอันเข้าใจว่าเป็นการไหลเข้าของกระแสเงิน “รายจ่าย” เป็นสิ่งตรงกันข้าม ถ้ารายรับ เท่ากับรายจ่าย มองเผินๆไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แสดงว่าอัตราการไหลเข้าและออกของเงินมันเท่ากัน รับมาจ่ายออกไป ถ้าเริ่มต้นทุกคนทำได้อย่างนี้รับรองว่าเก่ง ที่ผมเรียกว่า “หมุนเงินเก่ง” แต่ถ้าจะทำไปตลอดชีวิตเหนื่อยตายครับ ถ้ามีการเปลี่ยนความเร็วของการรับและจ่ายอะไรจะเกิดขึ้น? ถ้าความเร็วของรายรับเกิดขึ้นเร็วกว่ารายจ่ายที่ต้องจ่าย มันจะมีเงินคงเหลืออยู่ตกค้างอยู่ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความมั่งคั่งครับ สังเกตุซิครับ ว่า อาแปะ อาหมวยที่ค้าขายของในตลาด มักจะจ่ายเช็คล่วงหน้า 30 วัน 45 วัน ให้กับพนักงานขายส่งสินค้าของบริษัท เพราะอาแปะต้องการมีเวลาเอาของไปขายก่อน แล้วเอาเงินมานอนตุนไว้ในกำปั่น อาแปะจ่ายเช็คตั้งหลายใบ แน่นอนว่ามีเงินในกำปั่นเยอะ เป็นของเจ้าหนี้การค้า กำไรไม่ได้จัดสรร เงินทุนของแปะ เงินเดือนของไอ้ตี๋ ทุกอย่างอาแปะยืมมาใช้ก่อนแล้วจ่ายไปที่หลัง แล้วทำไมหลายคนใช้วิธีการอย่างอาแปะแต่ยิ่งทำยิ่งล่มจม เช่นไอ้ตี๋ ไปแปะโป้งร้านเหล้า บุหรี่ สบู่ยาสีฟัน มาใช้ก่อนพอเงินออกก็ไปจ่ายที่หลัง ก็ทำเหมือนกันไม่ยักจะมีเงินเหลือในกระเป๋าเลย สรุปกลยุทธ์แรกง่ายๆ เลือกที่จะมีรายได้ก่อน ที่จะจ่ายเสมอ ทำงานให้ได้เงินก่อน ไม่ใช่ไปเที่ยวจ่ายเงิน แล้วหารายได้มาใช้คืน

Econ idea

ฉบับที่แล้วผมค้างเรื่องประกันราคาสินค้าทางการเกษตร  เพราะระดับราคาที่ซื้อขายในตลาดมันต่ำมาก จนเกษตรกรไม่สามารถอยู่ได้ การประกันราคาเท่ากับเป็นการยกราคาให้สูงกว่าราคาดุลยภาพของตลาดครับ การที่รัฐพยายามจะยกราคาให้สูงขึ้นกว่าธรรมชาติของมัน เท่ากับเป็นการแทรกแซงกลไกราคา เมื่อยกราคาสูงขึ้น กลไกอุปสงค์และอุปทานจะทำงานโต้ตอบทันควัน กล่าวคือ ผลของราคาที่ขยับสูงขึ้น ปริมาณความต้องการขายสินค้า(อุปทาน)จะเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณความต้องการซื้อสินค้า(อุปสงค์)จะลดลงกว่าเดิม ส่วนต่างของอุปทานที่มากกว่าอุปสงค์ที่ดูดซับได้ ที่เราเรียกว่าผลผลิตส่วนเกิน (อุปทานส่วนเกิน) จะจัดการอย่างไร ถ้าปล่อยให้มีอุปทานส่วนเกินเกิดขึ้น ตัวนี้แหละจะเป็นตัวดึงให้ระดับราคาประกันลดลงมาสู่ราคาเดิม นโยบายก็จะล้มเหลว นักเศรษฐศาสตร์รู้อยู่แล้วถ้าอ้าปากออกมาว่าจะมีการประกันราคาจะต้องเกิด อุปทานส่วนเกิน แนวทางแรก ถ้าขนาดอุปทานส่วนเกินมีจำนวนน้อย รัฐก็จะรับซื้อสินค้านั้นๆ ไปแล้วหาทางเอาไปขายต่อไป แนวทางสองถ้าขนาดของอุปทานส่วนเกินที่เกิดขึ้นมีมากมาย รัฐคงไม่เลือกรับซื้ออุปทานส่วนเกิน รัฐต้องหันไปชดเชยส่วนต่างของราคาประกันและราคาดุลยภาพ ให้กับเกษตรกร  พูดไปดูเหมือนง่ายๆ แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิดครับ แนวทางแรก เมื่อรัฐเลือกจะรับซื้ออุปทานส่วนเกิน รัฐต้องตั้งโต๊ะซื้อแข่งกับเอกชน (เช่นโรงสี) พร้อมบังคับใช้กฏหมาย ห้ามรับซื้อต่ำกว่าราคาประกัน แต่คงไม่สามารถบีบคับเอกชน ถ้าเอกชนบอกว่าไม่ซื้อ ผลผลิตทั้งหมดทั้งปวงในตลาดจะตกเป็นภาระของรัฐ นี่แหละปัญหาใหญ่ สำหรับแนวทางสอง รัฐปล่อยมีการซื้อขาย ณ ราคาตามกลไกของตลาด แต่จ่ายชดเชยส่วนต่างของราคาให้เกษตรกร ปัญหาที่ตามมาก็คือให้รัฐมนตรีไปนอนเฝ้าตาชั่งทั่วประเทศที่มีการซื้อขาย เพื่อไม่ให้เกษตรกรและโรงสี แจ้งตัวเลขเกินกว่าที่ซื้อขายจริงเพื่อขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาล  จะเห็นว่าการเลือกทางใดทางหนึ่งมีต้นทุนทางเลือกเกิดขึ้นเสมอในทางเศรษฐศาสตร์ และการแก้ปัญหานี้เป็นการแก้ที่ปลายเหตุที่ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

อ่านก่อนแล้วจะไม่เจ็บ

ใครจะร่วมทำงานกับ Adsense อย่ามั่วมา เจ็บตัวเปล่า ให้อ่านนโยบายของ เขาก่อนให้เข้าใจ ผมน๊ะโง่ไปอ่านฉบับภาษาอังกฤษ เข้าใจผิดๆถูกๆ สรุปว่าที่ทำมาผิดหมด ต้องมานั่งอ่านแบบภาษาบิดาภาษามารดาของเราใหม่ ตามนี้เลยครับ นโยบายโปรแกรม AdSense   กลัวเหลือเกินตกงาน...

คอลัมน์ใหม่ “Wealthy @ Healthy”

ผมหยิบเรื่องนี้เป็นคอลัมน์เด่นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้อ่าน ถ้าใครมีประสบการณ์เด็ดๆเกี่ยวกับการจัดการความมั่งคั่งของตัวเองสามารถเขียนมาร่วมพูดคุยกับผมได้ครับ ยินดีที่จะนำบอกเล่าต่อเพื่อเป็นวิทยาทาน ช่องแสดงความคิดเห็นด้านล่าง ทำไมผมเลือกที่จะพูดถึงเรื่องความมั่งคั่ง และสุขภาพ? เพราะผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ตกอยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังทุกๆเดือน เป็นหนี้บัตรเครดิทหลายๆใบ เป็นหนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์กัน เหล่านี้แหละครับทำเราเครียด ดังนั้นการจัดการกับความมั่งคั่ง เพื่อให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง คำว่า “ความมั่งคั่ง” ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Wealth” แปลว่าเป็นเรื่องของ เงินทอง ทรัพย์สิน ถ้าเติม y ตามไปก็จะเป็นกริยาไป มีเงิน มีทอง มีความร่ำรวย “Wealthy” ครับ คำนี้แหละมันมีเสน่ห์ ตรงที่ถ้าเราตัด W ออกแล้วเติม H เข้าไปจะได้คำใหม่ ว่า “Health” เป็นเรื่องของสุขภาพ อนามัย ถ้าใช้คำว่า “Healthy guy” แปลว่า พ่อหนุ่มคนนี้แข็งแรง สุขภาพดี ถ้าคนเราได้พรชนิดที่ว่า “Wealthy and Healthy” แปลว่า “รวยทรัพย์ และสุขภาพดี” วิเศษจริงๆครับ แต่หลายคนแก้เกลี้ยว “ความไม่มีโรคเป็นลาถอันประเสริฐ” “Healthy is wealth” คอลัมน์นี้จะมุ่งไปที่จัดการกับความมั่งคั่งก่อน ครับ .... โปรดติดตาม


เกล็ดความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์

ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรบ้านเราคงไม่หนีคำว่า “ผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ” และสูตรสำเร็จในช่วงประชาธิปไตยเบ่งบาน คือการปิดถนนประท้วง สร้างการต่อรองกับรัฐบาล สำหรับสูตรสำเร็จของการแก้ปัญหาของรัฐบาล คือการให้มีการจำนำผลผลิตทางการเกษตร อาทิเช่น ข้าว ข้าวโพด มันสัมประหลัง เพื่อชะลอการไหลบ่าของผลผลิตออกสู่ตลาด (อุปทาน) กรณีที่รัฐจะไปเปิดบู๊ตรับจำนำเองก็เกินกำลัง รัฐจึงร่วมมือกับเอกชนโดยกำหนดจำนวนโคต้าให้เอกชนเพื่อรับจำนำผลผลิตจากเกษตรกร โดยใช้โรงสี โกดัง ไซโล ของเอกชนนั่นเอง ประหนึ่งว่ารัฐกำลังจะรับซื้ออุปทานส่วนเกินเอง แต่จ่ายมัดจำเพียงบางส่วน เมื่อเกษตรกรชะลอการขาย โดยเปลี่ยนเป็นการจำนำไว้ ก็เท่ากับเป็นการยืดระยะเวลาผลผลิตของเกษตรกรแต่ละคนออกไป เป็นการลดอุปทานตลาด ซึ่งจะมีผลต่อราคาที่สามารถขยับขึ้นได้ เมื่อราคาขยับสูงขึ้น เกษตรกรแต่ละรายจะมีความจำเป็นแตกต่างกัน บางรายร้อนเงินก็ขายออกไปก่อน สำหรับรายไม่ร้อนเงินก็รอให้ราคาสูงขึ้นค่อยขาย แต่เจ้ากรรมของการจำนำคือ การกำหนดโคต้า กำหนดจำนวนน้อยก็ไม่มีผลต่อกลไกการจำนำ กำหนดมากส่วนที่เกินไปประโยชน์จะตกเป็นของใคร เกิดการไหลของผลผลิต ลำพังพึ่งให้เกษตรกรไปขึ้นทะเบียนการเพาะปลูกกับเกษตรตำบล ก็ไม่ใช่วิสัยของเกษตรกรที่ทำตามมีตามเกิด ตามๆกันมา อีกแนวคิดหนึ่ง จึงมีดำริให้มีการประกันราคาพืชผลทางการเกษตรแทนที่การรับจำนำ ซึ่งผมจะเล่าต่อไป



วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

Google Adsence สร้างรายได้ผ่านเวป



Google AdSense รองรับภาษาไทยแล้ววันนี้


ในที่สุด โฆษณา AdSense ของกูเกิ้ล ก็เปิดตัวให้ทุกคนนำไปติดบนเว็บไซต์ที่เป็นภาษาไทยได้อย่างเป็นทางการ

วันนี้ขอแนะนำ Google AdSense บริการใหม่ที่ช่วยเราให้เราสามารถสร้างรายได้จากเว็บครับ ที่สำคัญสามารถทำงานร่วมกับภาษาไทยได้แล้ว

กูเกิลเปิดตัว AdSense สำหรับเนื้อหาภาษาไทยกระตุ้นเว็บไทยสร้างรายได้และเติบโตบนอินเทอร์เน็ตคุณสามารถสมัครเพื่อรับโค้ดโฆษณาจากทางกูเกิ้ลและนำไปติดบนหน้าเว็บไซต์ โดยจะได้รับค่าตอบแทนเมื่อมีผู้คลิกโฆษณา ตามอัตราที่กำหนดไว้ครับ

คุณสามารถสมัครเพื่อรับโค้ดโฆษณาจากทางกูเกิ้ลและนำไปติดบนหน้าเว็บไซต์ โดยจะได้รับค่าตอบแทนเมื่อมีผู้คลิกโฆษณา ตามอัตราที่กำหนดไว้ครับ ตาม ลิงค์นี้เลยครับ




สามารถดูรายละเอียดและสมัครออนไลน์ได้ที่ www.google.co.th/adsense

ว่างงานช่วงปิดเทอมก็เพิ่มช่องทางหารายได้เลยครับ